หน้าหลัก > บทความการเงิน > สิ่งที่ควรรู้สำหรับการลงทุนในหลักทรัพย์

สิ่งที่ควรรู้สำหรับการลงทุนในหลักทรัพย์

สิ่งที่ควรรู้สำหรับการลงทุนในหลักทรัพย์*

 

          นักลงทุนมือใหม่หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินคำศัพท์ว่าให้ Overweight (เพิ่มน้ำหนักการลงทุน) Underweight (ลดน้ำหนักการลงทุน) หรือ Neutral (คงน้ำหนักการลงทุน) แล้วมันคืออะไรและควรจะลงทุนอย่างไร ทั้งนี้การลงทุนตามหลักการที่ดีคือ ควรจะกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ดังคำเปรียบเปรยที่ว่าไม่ควรใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว เพราะหากตะกร้านั้นตก ไข่ก็จะแตกเสียหายหมด เปรียบเทียบกับการลงทุนคือ ไม่ควรใส่เงินทั้งหมดไว้ในสินทรัพย์ใดเพียงอย่างเดียว เพราะถ้าสินทรัพย์นั้นราคาลดลง ก็จะขาดทุนจำนวนมาก เช่น นำเงินไปเล่นหุ้นไทยทั้งหมด ถ้าตลาดหุ้นไทยตก ก็จะเสียหายเป็นอย่างมาก ดังนั้นการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ นั้นเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งสินทรัพย์ทางการเงินมีหลายประเภท ทั้งกองทุนตลาดเงิน หุ้นกู้ ตราสารหนี้ ตลาดหุ้นไทย ตลาดหุ้นสหรัฐ ตลาดหุ้นยุโรป ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ทองคำ น้ำมัน ซึ่งนักลงทุนอาจจะแบ่งสัดส่วนการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์เป็นเปอร์เซ็นต์ต่างๆ ตามความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ

 

          แบบระมัดระวัง (Conservative) รับความเสี่ยงได้ต่ำ อาจจะลงทุนในกองทุนตลาดเงินและตราสารหนี้ 80% และอีก 20% ลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งในตลาดหุ้น 20% นี่เองก็อาจจะลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐ 10% ตลาดหุ้นไทย 10%


          แบบสมดุล (Balanced) รับความเสี่ยงได้ปานกลาง อาจจะลงทุนในกองทุนตลาดเงินและตราสารหนี้ 50% และอีก 50% ลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งในตลาดหุ้น 50% นี่เอง อาจจะแบ่งเป็นตลาดหุ้นสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น จีน ไทย อย่างละ 10%

 

          แบบเติบโต (Growth) รับความเสี่ยงได้สูง อาจจะลงทุนในกองทุนตลาดเงินและตราสารหนี้ 20% ตลาดหุ้น 70% ทองคำ 10% ซึ่งในตลาดหุ้น 70% ก็จะกระจายในตลาดหุ้นสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น จีน ไทย หรือเน้นเป็นกลุ่มธุรกิจสุขภาพ ธุรกิจการเงิน ก็ได้

 

          การลงทุนในสัดส่วนต่างๆ นี้เอง บางครั้งนักวิเคราะห์ก็จะบอกให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุน ลดน้ำหนักการลงทุน หรือคงน้ำหนักการลงทุน ตามสัดส่วนที่ได้แบ่งไปข้างต้น ซึ่งจะมาจากมุมมองทางด้านเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่อตลาดแตกต่างกันไป รวมถึงแนวโน้มของสินทรัพย์ต่างๆ ว่าจะเป็นอย่างไรในอนาคต โดยแนวโน้มที่จะให้ลงทุนก็จะมีรายละเอียดดังนี้

 

          Overweight (เพิ่มน้ำหนักการลงทุน) เป็นการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่กล่าวถึง เช่น ตลาดหุ้นไทย แต่เดิมลงทุนเพียง 10% ของพอร์ต ก็เพิ่มสัดส่วนให้มากขึ้น อาจจะเป็น 15% ของพอร์ต และไปลดสัดส่วนการลงทุนในตลาดอื่นแทน แต่ไม่ใช่ให้ขายหุ้นในตลาดอื่นทั้งหมด เพื่อมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพียงอย่างเดียว

 

          Underweight (ลดน้ำหนักการลงทุน) เป็นการลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่กล่าวถึง เช่น ตลาดหุ้นจีน แต่เดิมอาจจะลงทุนเพียง 10% ของพอร์ต ก็ลดสัดส่วนให้น้อยลง อาจจะเหลือ 5% ของพอร์ต และไปเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดอื่นแทน แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ขายเงินลงทุนในตลาดหุ้นจีนทั้งหมด และไปลงทุนในตลาดอื่นแทน

 

          Neutral (คงน้ำหนักการลงทุน) เป็นการลงทุนในสัดส่วนเดิมที่ได้จัดสรรไว้แล้วแต่แรก เช่น จะลงทุนในตราสารหนี้ 50% ของพอร์ต ก็ให้ลงตามสัดส่วนเดิมที่ได้วางเอาไว้

 

          โดยสรุปแล้วการเพิ่มน้ำหนักการลงทุน คือ การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้กำหนดไว้ หรือ ลดน้ำหนักการลงทุน คือ การลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้ตั้งไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่าถ้าเพิ่มน้ำหนักการลงทุนจะต้องเทไปลงทุนในสินทรัพย์นั้นทั้งหมด หรือการลดน้ำหนักการลงทุนจะต้องขายสินทรัพย์ที่มีอยู่ออกมาทั้งหมด


       
_______________
* แหล่งที่มาของข้อมูล : พิชัย ยอดพฤติการ FINNIMENA Insight

 

 

กลุ่มข้อมูลและวางแผนสื่อสารองค์กร
ฝ่ายสื่อสารองค์กร

บทความการเงิน

วันที่ 21 เมษายน 2560

2965 Views

BAM Mobile Application

ค้นหาทรัพย์ง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส

บริการฝากขาย
อสังหาฯ
ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย