เทคนิคการเลือกลงทุนในกองทุนในปัจจุบัน*
การลงทุนในกองทุนที่น่าสนใจในช่วงนี้ก็น่าจะเป็นกองทุนตราสารหนี้ไทย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายเองก็ยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นแต่อย่างใด และอาจจะมีแนวโน้มปรับตัวลดลงเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง รวมถึงมีกระแสเงินไหลเข้าจากต่างประเทศ กองทุนตราสารหนี้เองก็น่าจะได้ประโยชน์มากพอสมควรเลยทีเดียว หรือหลายๆ คนที่ชอบการลงทุนในหุ้นไทย ก็สามารถที่จะหากองทุนดีๆ ลงทุนได้ แต่ความผันผวนก็จะค่อนข้างสูงเช่นกันและอีกสินทรัพย์นึงที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ก็คือ กองทุนที่ลงทุนในกลุ่มตลาดเกิดใหม่นั่นเอง ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติเองก็ให้ความสนใจมากขึ้นด้วย โดยจะเห็นได้ว่า Fund Flow เองก็เริ่มมีการไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่มากขึ้น ที่สำคัญผลตอบแทนของกลุ่มประเทศเหล่านี้ก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่ในปีก่อนทำผลตอบแทนได้ไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่ แน่นอนว่าในช่วงที่ตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วยังไม่ไปไหนไกล การลงทุนในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่นั้นน่าสนใจที่เดียว แต่ถ้านักลงทุนไม่แน่ใจว่าจะลงทุนกับประเทศไหนดี เนื่องจากมีกองทุนที่ไปลงทุนอยู่มาก และเน้นไปลงทุนในแต่ละประเทศของกลุ่มนี้โดยตรง ซึ่งหลายๆ คนก็อาจจะไม่มีความชำนาญ และดูไม่ออกว่าจะลงทุนกับที่ไหนดี ก็สามารถเลือกกองทุนที่ไปลงทุนกับกลุ่มนี้ได้ โดยลงทุนในกองทุนต่างประเทศที่ไปลงทุนในกลุ่มประเทศเหล่านี้แทน เช่น เอเชียแปซิฟิก เอเชียเหนือ หรือกลุ่มอื่นๆ ที่อยู่ในตลาดเกิดใหม่ก็ได้ ซึ่งจะเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงอีกทางหนึ่ง
จริงๆ แล้วการเลือกกองทุนที่ค่อนข้างจะกระจายไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ต่างๆ กันมากกว่ากระจุกตัวแบบนี้ ก็ยังสามารถปรับไปใช้กับกองทุนอื่นๆ ได้เช่นกัน เช่น หลายๆ คนชอบการลงทุนในกองทุน Healthcare มากๆ แต่เนื่องจากรับความเสี่ยงไม่ได้ ก็อาจจะไปลงทุนในกองทุนกลุ่ม silver age แทนก็ได้ ซึ่งยังคงมีอุตสาหกรรม Healthcare อยู่ในกองทุน แต่ก็มีการกระจายไปลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มสินค้าความสวยความงาม ฯลฯ ด้วย ก็ถือว่าได้กองทุนที่มีความเสี่ยงที่ลดลงไป
แต่แก่นแท้ของการลงทุนนั้น ไม่ใช่การคัดเลือกสินทรัพย์แต่อย่างใด หรือแม้แต่การจับจังหวะการลงทุนเองก็ยังมีโอกาสผิดพลาดเช่นเดียวกัน วิธีที่จะควบคุมความเสี่ยง และทำให้มั่งคั่งในระยะยาวได้ก็คือการจัดพอร์ตการลงทุนอย่างเหมาะสม โดยที่อาจจะแบ่งสัดส่วนการลงทุนมาลงทุนในกลุ่มตลาดเกิดใหม่บ้าง ประมาณ 10-15% ของสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยงทั้งหมดของพอร์ตการลงทุน หรือพูดง่ายๆ ว่ากองทุนหุ้นต่างประเทศนั้น ก็ไม่ควรที่จะเอาเป็นแกนหลักของพอร์ต เพราะจะทำให้ความผันผวนสูงนั่นเอง นอกจากนี้เองการที่มีการวางแผนการเงินการลงทุนอย่างดีแล้ว ก็จะทำให้สามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศได้อย่างสบายใจมากขึ้นไปด้วย เพราะว่าถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้น อย่างน้อยๆ พอร์ตการลงทุนก็ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปมากเท่าไหร่ ยังคงที่จะได้ผลตอบแทนกลับเข้ามาบ้างจากสินทรัพย์อื่นๆ ดังนั้นนักลงทุนเองก็ควรที่จะมีการจัดวางแผนการเงินอย่างถูกต้องก่อน จึงเริ่มลงทุนในกองทุนที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งถ้าอยากเริ่มลงทุนแล้วละก็ อาจจะเริ่มจากกองทุน ตราสารหนี้ก็ถือว่าเป็นกองทุนที่นักลงทุนสามารถจะพิจารณาลงทุนได้ก่อนเป็นอันดับแรกๆ เลย เพราะถือได้ว่าเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด
_______________
* แหล่งที่มาของข้อมูล : ธนัฐ ศิริวรางกูร นักวางแผนการเงินอิสระ
กลุ่มข้อมูลและวางแผนสื่อสารองค์กร
ฝ่ายสื่อสารองค์กร