หน้าหลัก > บทความการเงิน > แนวทางการวางแผนลงทุนด้วยประกันชีวิต

แนวทางการวางแผนลงทุนด้วยประกันชีวิต

แนวทางการวางแผนลงทุนด้วยประกันชีวิต

   ในช่วงต้นปีหลายท่านอาจจะมีแนวคิดที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองในด้านต่างๆ หรือวางแผนการดำเนินชีวิตรูปแบบใหม่ๆ เพื่อการมีชีวิตที่ดีขึ้น ตลอดจนการมองหาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือการลงทุนใหม่ๆ โดยในปีนี้ดูแนวโน้มตลาดหุ้นไทยแล้วเห็นว่าเป็นช่วงของการปรับฐานที่ค่อนข้างรุนแรงพอสมควร ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนหลายท่านหวั่นใจและอาจมีแนวคิดที่จะหันมาเน้นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ไม่พลาดผลตอบแทนที่สูงเช่นเคย ซึ่งจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบโจทย์แนวคิดดังกล่าวด้วย “ประกันชีวิตแบบ Universal Life” 

 

   ในปัจจุบันคนไทยหันมาตระหนักถึงเรื่องการออมเพิ่มมากขึ้น แต่คนไทยจำนวนมากไม่ชอบการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง โดยจะเลือกลงทุนโดยการทำประกันชีวิตซึ่งเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ได้ผลตอบแทนที่แน่นอน และได้ผลประโยชน์ทางภาษีอีกด้วย แต่ประกันชีวิตอาจมีข้อจำกัดในบางประการ เช่น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนจำนวนเงินเอาประกันภัย หรือปรับเบี้ยประกันภัยตามที่ต้องการได้ หรือในกรณีฉุกเฉินการพักชำระเบี้ยประกันภัยอาจทำให้เสียประโยชน์ในเรื่องความคุ้มครองได้ เป็นต้น แต่สำหรับประกันชีวิตแบบ Universal Life นั้นเป็นรูปแบบการประกันชีวิตซึ่งเป็นทางเลือกใหม่สำหรับทุกคนที่ต้องการโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น และตอบโจทย์การวางแผนการเงินครบทุกองค์ประกอบในหนึ่งเดียว เป็นรูปแบบประกันชีวิตแบบใหม่ที่ให้ความคุ้มครองชีวิตพร้อมกับสร้างโอกาสในการรับผลประโยชน์จากการลงทุน และมีความยืดหยุ่นสูง เปิดโอกาสให้ผู้เอาประกันสามารถบริหารจัดการกระแสเงินสดได้อย่างคล่องตัวเพราะถูกพัฒนาขึ้นมาภายใต้แนวคิดการวางแผนการเงินที่แท้จริง โดยมุ่งเน้นให้ผลิตภัณฑ์สามารถตอบสนองเป้าหมายทางการเงินที่สำคัญ 3 ด้าน ภายใน 1 กรมธรรม์ คือ

  • การสร้างความมั่งคั่ง (Wealth Creation)
  • การปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน (Wealth Protection)
  • การบริหารจัดการกระแสเงินสด (Cash Flow Management) ทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่น่าสนใจที่สุดในการวางแผนชีวิตทางการเงินสำหรับทุกช่วงวัย และสามารถตอบโจทย์ได้กับทุกเป้าหมาย โดยประกันชีวิตแบบ Universal Life มีความโดดเด่นกว่าแบบประกันชีวิตที่มีอยู่ทั่วๆ ไป ดังนี้

   ประการแรก : ให้โอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งเป็นการลงทุนแบบยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนได้ตามสถานการณ์เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน โดยมูลค่าของบัญชีกรมธรรม์จะถูกคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนให้ทุกสิ้นเดือน และทบต้นให้ ณ ทุกสิ้นปีปฏิทิน และนอกเหนือจากนี้ยังสามารถชำระเบี้ยประกันภัยส่วนที่ต้องการออมเพิ่มเติมได้ เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้บัญชีกรมธรรม์ประกันภัย (Policy Account Value) จึงทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่มากขึ้น

 

   ประการที่สอง : ความคุ้มครองชีวิตที่สามารถปรับเพิ่มหรือลดได้ตามความต้องการ ผู้ถือกรมธรรม์จะได้รับความคุ้มครองชีวิตตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ และสามารถเลือกปรับเปลี่ยนความคุ้มครองได้ตามสถานการณ์ อีกทั้งมีความยืดหยุ่นและมีสภาพคล่องในการบริหารเงิน โดยออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นสูงเปิดโอกาสให้ผู้ถือกรมธรรม์สามารถบริหารจัดการเงินได้อย่างอิสระ ทั้งในเรื่องของการชำระเบี้ยประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยสามารถหยุดพักชำระเบี้ยประกันภัยชั่วคราวได้ และสามารถขอถอนเงินสดออกจากบัญชีกรมธรรม์ หรือกู้เงินจากมูลค่าเงินสดในกรมธรรม์ได้โดยไม่ต้องมีหลักประกัน เพื่อเป็นการเสริมสภาพคล่องในการบริหารเงินของคุณให้มากขึ้น

 

   ประการที่สาม : รับประกันมูลค่าบัญชีกรมธรรม์ประกันภัย หากผลการดำเนินงานด้านการลงทุน ณ สิ้นปีปฏิทิน ที่ผู้ถือกรมธรรม์ได้ลงทุนผ่าน Universal Life ผู้ถือกรรมธรรม์ก็จะได้รับอัตราผลตอบแทนในอัตราที่บริษัทประกันชีวิตประกาศ โดยไม่มีการกำหนดเพดานอัตราสูงสุด แต่ในกรณีที่อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุน ณ สิ้นปีปฏิทินต่ำกว่า 0% บริษัทประกันชีวิตจะรับประกันมูลค่าบัญชีกรมธรรม์ปัจจุบันไม่ต่ำกว่ามูลค่าบัญชีกรมธรรม์ ณ สิ้นปีก่อนหน้า หลังหักค่าการประกันชีวิต และค่าธรรมเนียมการรักษากรมธรรม์ของปีนั้น

 

   ประการสุดท้าย : สิทธิในการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้เต็มจำนวนสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร ซึ่งจะต้องเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และต้องทำกับบริษัทรับประกันที่ประกอบกิจการประกันชีวิตในประเทศไทย และถ้ามีการจ่ายคืนเงินปันผล หรือผลตอบแทนระหว่างสัญญา ในกรณีได้รับเงินคืนทุกปียอดเงินคืนนั้นต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันชีวิตรายปี และในกรณีได้รับเงินคืนตามช่วงระยะเวลา เช่น 2 ปี 3 ปี 5 ปี ยอดเงินคืนจะต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมของแต่ละช่วงระยะเวลา และในกรณีอื่นๆ ผลรวมของเงินคืนตั้งแต่ปีแรกถึงปีที่มีการจ่ายเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนคืนต้องไม่เกินร้อยละ 20 ของเบี้ยประกันสะสมในช่วงนั้นๆ

 

โดยสรุปจากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นว่าการประกันชีวิตแบบ Universal Life มีข้อดี และมีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าประกันชีวิตแบบทั่วๆ ไปอย่างไร และที่สำคัญการทำประกันชีวิตแบบ Universal Life เป็นอีกรูปแบบการลงทุนที่ตอบโจทย์การลงทุนในปี 2559 เป็นอย่างยิ่ง เพราะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีพอสมควรในท่ามกลางภาวะที่ตลาดหลักทรัพย์ที่ยังมีความผันผวนอยู่ค่อนข้างมาก

_______________
* แหล่งที่มาของข้อมูล :  บริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด

 

กลุ่มข้อมูลและวางแผนสื่อสารองค์กร
ฝ่ายสื่อสารองค์ก

บทความการเงิน

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559

710 Views

BAM Mobile Application

ค้นหาทรัพย์ง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส

บริการฝากขาย
อสังหาฯ
ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย