หน้าหลัก > บทความการเงิน > ถึงเวลา ซื้อเก็บทองคำ แล้วหรือยัง

ถึงเวลา ซื้อเก็บทองคำ แล้วหรือยัง

ถึงเวลา ซื้อเก็บทองคำ แล้วหรือยัง*

           ช่วง นี้ราคาทองคำได้ตกลงมาต่ำมาก คืออยู่ที่ประมาณ 1,200 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 18,000 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งมองว่าน่าจะเป็นโอกาสสำหรับผู้ที่ต้องการ “ซื้อเก็บ...ทองคำ” โดยซื้อเก็บไว้เป็นเวลาหลายปีหรือหลายสิบปีไปเลย ซึ่งอยากจะขอสนับสนุนความคิดที่ว่า “ทองคำ.. เก็บไว้ใช้ตอนแก่ดี” โดยมีเหตุผลประกอบในการสนับสนุนดังนี้

1. ทองคำไม่มีวันตาย
          ในอดีตมีบริษัทระดับโลกที่เชื่อว่า “ไม่มีวันตาย” แต่จริงแล้วๆ บริษัทเหล่านั้นบางบริษัทก็ได้ทำให้บรรดาผู้ถือหุ้นต้องเจ็บปวดใจไปกับราคา หุ้นที่ตกต่ำ และบางบริษัทก็ถึงขั้นล้มละลายไปเลยก็มี ตัวอย่างเช่น บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ “เอ็นรอน” หรือ หนึ่งในบริษัทตรวจสอบบัญชีที่ใหญ่ที่สุดในโลก “อาเธอร์ แอนเดอร์เซน” ทั้งสองบริษัทนี้ก็ล้มละลาย และได้ทำให้ผู้ถือหุ้นและพนักงานพากันเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสมาแล้ว แต่ด้วยคุณลักษณะของทองคำที่สามารถตรวจสอบความเป็นของจริง และความบริสุทธิ์ของทองคำได้ง่าย ประกอบกับได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ก็ทำให้ทองคำได้รับความนิยมมาโดยตลอด และที่สำคัญราคาทองคำก็ไม่เคยมีค่าเป็นศูนย์เลย

2. ทองคำไม่ต้องรู้มาก ไม่ต้องติดตาม ก็ลงทุนได้
          ดอกเบี้ยแต่ละธนาคารยังแตกต่างกันบ้าง แต่ราคาทองคำโดยเฉพาะทองคำแท่งมีการประกาศราคาทุกวัน ซึ่งเป็นราคาที่เชื่อมโยงกับตลาดโลก ดังนั้นการบิดเบือนราคาที่แท้จริงของทองคำจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ในแง่การลงทุนระยะยาวหรือการเก็บไว้ใช้ตอนแก่ จึงน่าจะมั่นใจได้มากกว่าการลงทุนในเพชร พลอย หรือวัตถุมีค่าอื่นๆ แม้ว่าราคาทองคำจะมีความผันผวน แต่ถ้าหากลงทุนซื้อทองคำแท่งด้วยเงินเย็น ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีความรู้มาก และไม่ต้องติดตามใกล้ชิดเหมือนกับการซื้อหุ้น การขายทองคำแท่งก็ทำได้ง่าย เพราะร้านทองเกือบทุกร้านรับซื้อทองคำแท่งหมด มันจึงเหมาะมากสำหรับคนที่ไม่ต้องการรู้มาก และไม่ต้องการติดตามข่าวสาร

3. แนวโน้มการใช้ “ทองคำ” เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศสูงขึ้น
          ในอดีตเงินและพันธบัตรหลักๆ ของโลกไม่ว่าจะเป็น ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เยนญี่ปุ่น หรือเงินยูโร ก็ตาม ได้ถูกหลายๆ ประเทศซื้อเก็บไว้ใช้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ แต่ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศเหล่านี้ ก็ได้ทำให้หลายๆ ประเทศเริ่มซื้อเก็บทองคำแทน แนวโน้มดังกล่าวจะเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกนาน เพราะประเทศหลักๆ ที่กล่าวถึงข้างต้นนั้น ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของตัวเองมานานหลายปีแล้ว และในอนาคตอันใกล้นี้ก็ยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนว่าประเทศเหล่านี้จะสามารถ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้จบสิ้นอย่างแท้จริงได้เลย

4. ยุคเบบี้บูมกำลังหมดลง ยุคเจนเนอเรชันเอ็กซ์กำลังเบ่งบาน
          หากมองกันตามช่วงอายุคนแล้วก็จะพบว่าคนที่เกิดในยุคเบบี้บูม (2489-2507) ซึ่งเป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุคนี้จึงมีทารกคลอดออกมาเป็นจำนวนมาก เพราะพ่อแม่มองว่ามีลูกเยอะๆ เพื่อมาช่วยกันทำงานหาเงิน ดังนั้นคนในยุคเบบี้บูมจะทำงานหนักเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ไม่ค่อยชอบความเสี่ยงเพราะหาเงินมาด้วยความลำบาก ในขณะที่คนที่เกิดในยุคเจนเนอเรชันเอ็กซ์ (2508-2525) จะเป็นคนที่เกิดมาในยุคที่เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น พ่อแม่มีเงิน จึงทำให้มีการศึกษาดี กล้าเสี่ยงมากกว่าคนยุคเบบี้บูม หลายคนเอาเงินพ่อแม่มาเสี่ยงลงทุน จึงไม่รู้ว่าหาเงินมายากลำบากอย่างไร และต้องการรวยเร็ว ก็อาจจะทำให้ราคาทองคำที่สูงอยู่แล้ว สูงขึ้นไปอีก เพราะคนในยุคเจนเนอเรชันเอ็กซ์จะกล้าเสี่ยงมากกว่า

          ส่วนคำถามที่ตอบยากที่สุดก็คือ ควรซื้อทองคำเมื่อไร ? และควรขายทองคำเมื่อไร ? หากมองย้อนไปในอดีตก็จะพบว่าราคาทองคำระหว่างปี 2514-2523 ราคาทองคำขึ้นเป็น 25 เท่าของตอนเริ่มต้น ปี 2524-2543 ราคาทองคำลดลงเหลือ 0.4 เท่า และปี 2544-2555 ราคาทองคำขึ้นเป็น 6 เท่าตัว ดังนั้นการลงทุนในทองคำจึงเหมาะที่สุดสำหรับคนที่มีความอดทน สามารถรอโอกาสได้ไม่ว่าจะเป็นปี เป็นสิบปี หรือหลายสิบปีก็ตาม


________________
* โดย : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์ Blogs & Columnists หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

บทความการเงิน

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2557

6488 Views

BAM Mobile Application

ค้นหาทรัพย์ง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส

บริการฝากขาย
อสังหาฯ
ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย