บสก. เปิดแผนกลยุทธ์ปี 55 โชว์ผลงานลด NPL ในระบบ กว่า 30%

          บสก. เปิดแผนกลยุทธ์ปี 2555 เร่งพัฒนาระบบ ขยายธุรกรรมรองรับการแปรรูปองค์กร เล็งเพิ่มขนาดสินทรัพย์ รับซื้อรับโอน NPL และ NPA จากสถาบันการเงินเข้ามาบริหารจัดการ รวมทั้งซื้อสินทรัพย์จาก บสท. หลังปิดตัวลง   โชว์ผลงาน 3 ปี ลด NPL ในระบบสถาบันการเงินกว่า 30% ปลื้มผลงานปี 54 ทะลุเป้าต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 โดยมีผลเรียกเก็บรวม 12,771 ล้านบาท จากเป้าหมาย 12,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,930  ล้านบาท  
          นายสุเมธ มณีวัฒนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์  จำกัด (บสก.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2554 ว่า บสก. มีผลการดำเนินงานโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยมีรายได้จากการปรับโครงสร้างหนี้และจำหน่ายทรัพย์รวมทั้งสิ้น 12,771 ล้านบาท คิดเป็น 106.43% ของเป้าหมายทั้งปีที่วางไว้ 12,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,930 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นปีที่10ที่ บสก. มีกำไรต่อเนื่อง และเป็นปีที่มีกำไรสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้ง บสก. มาเป็นเวลา  13 ปี
         ทั้งนี้ การดำเนินงานของ บสก. ในปี 2554 ที่ผ่านมานั้น มีการเพิ่มขนาดสินทรัพย์ โดยได้รับซื้อรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) และทรัพย์สินรอการขาย (NPA) จากสถาบันการเงินรวม 12,330.10 ล้านบาท และปัจจุบัน บสก. มีNPL อยู่ในความดูแลทั้งสิ้น44,152 ราย คิดเป็นมูลค่า 237,005 ล้านบาท ขณะที่มีทรัพย์สินรอการขายNPA จำนวน13,526 รายการ คิดเป็นมูลค่า 36,396 ล้านบาท
         ในช่วงระยะ3 ปี ที่ผ่านมา (ปี 2552 – 2554) NPL ในระบบสถาบันการเงินลดลง130,033 ล้านบาท โดย บสก. ได้เข้าไปรับซื้อรับโอนมาบริหารรวม45,907.21 ล้านบาท หรือคิดเป็น 33.75% ของNPL ในระบบที่ลดลง  ภายหลังจากการรับซื้อเข้ามาแล้ว บสก. เน้นการปรับโครงสร้างหนี้ที่มุ่งประนอมหนี้บนพื้นฐานความร่วมมือกันและหาข้อ ยุติที่ได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย โดยในช่วงที่ผ่านมา บสก. ได้จัดโครงการคืนทรัพย์ให้คุณ เป็นโครงการที่ช่วยเหลือลูกหนี้ด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรน เพื่อให้ลูกหนี้มีโอกาสนำทรัพย์หลักประกันที่เป็นที่อยู่อาศัยหรือที่ทำกิน กลับคืนไป โดย ณ เดือนธันวาคม 2554 มีผู้เข้าร่วมโครงการ2,371 ราย รวมมูลค่ากว่า4,360 ล้านบาท
          นอกจากนี้ ยังได้จัดโครงการซื้อทรัพย์แบบผ่อนชำระกับ บสก. เป็นโครงการที่ช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งสิน เชื่อได้ให้ได้มีที่อยู่อาศัยหรือที่ทำกินเป็นของตนเอง มูลค่าไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยมีลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการจำนวน1,355 ราย รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 370 ล้านบาท  ขณะเดียวกัน การบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย บสก. ได้จัดโครงการที่ดินเกษตรกรรม เพื่อพืชเศรษฐกิจ บสก.  โครงการพออยู่ พอกิน กับที่ดิน บสก. และโครงการทำกิน 1 ไร่ ทำได้ 1 แสน มียอดขายที่ดิน ตั้งแต่เริ่มโครงการในปี 2551 รวม  18,433 ไร่ คิดเป็นมูลค่า 1,354 ล้านบาท และในช่วงปีที่ผ่านมา บสก.ได้ใช้กลยุทธ์กิจกรรมส่งเสริมการขายทุกรูปแบบเพื่อกระตุ้นยอดขายทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมออกบูธในงานมหกรรมอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ รวมถึงการออกบูธของ บสก. เอง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมการออกบูธทั้งสิ้น 113 ครั้ง มียอดเสนอซื้อรวมทั้งสิ้น 2,985 ล้านบาท   
          นายสุเมธ ยังได้กล่าวถึงแผนกลยุทธ์ปี 2555 ว่า ในเรื่องของการเพิ่มขนาดสินทรัพย์ บสก. ประมาณการเข้าประมูลซื้อทรัพย์จาก บสท. 120,344 ล้านบาท และจากสถาบันการเงินอื่น ๆ อีก 15,000 ล้านบาท ส่วนแผนการแปรรูป และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นั้น  ที่ปรึกษาทางการเงินได้เข้ามาประเมินความพร้อมของ บสก. เรียบร้อยแล้ว และผลการศึกษาสรุปว่าบสก. มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีความพร้อมที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยให้ บสก. ดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การพัฒนาระบบ MIS ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และการพัฒนาระบบบริหารความเสี่ยงเชื่อมโยงกับระบบ MIS ส่วนในด้านการบริหารเงิน จะต้องมีสภาพคล่องเพียงพอต่อการดำเนินงาน และขยายงาน รวมทั้งกันสภาพคล่องส่วนเกินเพื่อนำไปลงทุนหาผลตอบแทนที่ดี และหาแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินพันธมิตรในอัตราต้นทุนทางการเงินที่เหมาะ สม  ขณะเดียวกัน บสก. มีความพร้อมในการขยายขอบเขตธุรกรรม เพื่อรองรับการแปรรูปในอนาคต ได้แก่ การเป็นที่ปรึกษาในการปรับโครงสร้างหนี้ , การนำอสังหาริมทรัพย์ออกให้เช่าระยะยาว , การร่วมทุนกับนักพัฒนาอสังหาฯ เพื่อพัฒนาโครงการ , การนำที่ดินเปล่าที่มีศักยภาพ ทั่วประเทศ ไปพัฒนาเป็นโครงการในรูปแบบทันสมัย และการเป็นตัวแทนจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท
          ส่วนแผนกลยุทธ์ในการบริหารจัดการ NPL นั้น มีทั้งหมด 3 แผน ซึ่งเป็นแผนงานต่อเนื่องจากปี 2554 ที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ แผนปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้ที่มีหลักประกัน  แผนดำเนินการให้ได้ข้อยุติกับลูกหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน และแผนเร่งรัดเงินที่ได้รับจากการขายทอดตลาดทรัพย์จากกรมบังคับคดี
          ด้านบริหารจัดการ NPA ได้เร่งพัฒนาและปรับปรุงทรัพย์สินรอการขายในโครงการต่างๆ ให้มีคุณภาพดี เพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้า โดยในปี 2555 บสก. ได้ตั้งงบประมาณในการปรับปรุงทรัพย์ จำนวนกว่า 200 ล้านบาท เพื่อพัฒนาและปรับปรุงทรัพย์ที่มีศักยภาพทางการตลาดในรูปแบบโครงการต่างๆ    โดยมีทรัพย์ทั้งในโซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก และสมุทรปราการ  โซนกรุงเทพฯ ตอนใต้ สมุทรสาครนนทบุรี และปทุมธานีรวมถึงทรัพย์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทรัพย์ในรูปแบบโครงการ ต่าง ๆ อีก 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการขอนแก่น ลากูน่า โครงการเอกสยาม โครงการไบร้ท์พลาซ่า โครงการสมาร์ท ทาวน์โฮม และโครงการสินบดี   อีกทั้งยังมีทรัพย์บางส่วนที่ต้องซ่อมแซมเพราะได้รับความเสียหายจากภัยน้ำ ท่วมในช่วงปลายปีที่ผ่านมาด้วย