บสก. โชว์ผลผลิตข้าวพันธุ์หอมนิลจากแปลงสาธิตกลางกรุง ย้ำความสำเร็จโครงการทำกิน 1 ไร่ ทำได้ 1 แสน

           บสก. โชว์ผลผลิตข้าวพันธุ์หอมนิลจากแปลงสาธิตกลางกรุง ในโครงการทำกิน 1 ไร่ ทำได้ 1 แสน  เป็นครั้งแรก เผยโครงการพออยู่ พอกิน กับที่ดิน บสก. ดันยอดขายทรัพย์ที่ดินเปล่าทั่วประเทศถึง 2,986 ไร่ คิดเป็นมูลค่า 207 ล้านบาท ระบุโครงการดังกล่าวยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มในระบบเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนโดยรวมอีกส่วนหนึ่งด้วย 

           นายสุเมธ มณีวัฒนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) กล่าวว่า ตามที่บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการพออยู่ พอกิน  กับที่ดิน บสก.  ภายใต้แนวคิดทำกิน 1 ไร่ ทำได้ 1 แสน เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน  2554  โดยมีผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ดร.ประสาร  ไตรรัตน์วรกุล)  เป็นประธานในพิธี และได้ร่วมกับผู้บริหาร บสก. ทำนาโยนที่แปลงนาสาธิต ถนนรามคำแหง ในช่วงที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ บสก. สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวพันธุ์หอมนิล ซึ่งปลูกในแปลงสาธิตกลางกรุงเป็นผลสำเร็จครั้งแรก ได้ข้าวเปลือกน้ำหนัก 1,180 กิโลกรัม และนำข้าวเปลือกที่ได้จากการเก็บเกี่ยวไปตากแดดไล่ความชื้น คงเหลือข้าวน้ำหนักประมาณ 1,000 กิโลกรัม และวันที่ 29 สิงหาคม 2554 นำข้าวเปลือกจำนวน 800 กิโลกรัม ไปทำการสี ได้ข้าวหอมนิลหนัก 334  กิโลกรัม และเก็บข้าวเปลือกที่เหลือ 200 กิโลกรัม ไว้เป็นพันธุ์ข้าว

          ทั้งนี้ การปลูกข้าวพันธุ์หอมนิลในแปลงสาธิตกลางเมืองสำเร็จ  เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่าการทำเกษตรที่ถูกต้องตามหลักทฤษฎี ทำกิน 1 ไร่ ทำได้ 1 แสน สามารถทำได้ประสบผลสำเร็จ โดยเฉพาะข้าวพันธุ์หอมนิล ซึ่งเป็นข้าวที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ  เนื่องจากในรำข้าวของเมล็ดสีม่วงเข้ม เต็มไปด้วยสารอาหารจากธรรมชาติ มีวิตามิน อี บี บีคอมเพล็กซ์ และสารเอนโทไซยานิน ซึ่งสารนี้ช่วยออกฤทธิ์ขยายเส้นเลือด ช่วยลดอัตราการเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและอัมพาต และยังมีเส้นใยสูงช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น รวมทั้งช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้อีกด้วย 

          กรรมการผู้จัดการใหญ่ บสก. กล่าวอีกว่า โครงการพออยู่  พอกิน กับที่ดิน บสก.  ภายใต้แนวคิด “ ทำกิน 1 ไร่      ทำได้  1 แสน” ดำเนินการโดยน้อมนำแนวพระราชดำริ  “เกษตรทฤษฎีใหม่” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นแบบอย่างในการทำเกษตรพอเพียงเลี้ยงตัว เองได้  แต่พัฒนาสู่รูปแบบการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน โดยโครงการดังกล่าวได้มีการจัดทำแปลงสาธิตเกษตรผสมผสาน  เพื่อให้ความรู้กับผู้สนใจซื้อที่ดินเชิงเกษตรจาก บสก.  ทั่วประเทศ ลักษณะการใช้ประโยชน์ การทำเกษตรภายในพื้นที่  1 ไร่  แบ่งการจัดสรรที่ดินออกเป็น  4  ส่วน  ประกอบด้วย 1. ทำคันบ่อหรือคันนา เพื่อปลูกพืชผักสวนครัว  2. ขุดบ่อปลาหรือทำร่องน้ำ สำหรับเลี้ยงสัตว์น้ำ  3. ทำแปลงนาเพื่อปลูกข้าว 4. จัดพื้นที่สำหรับเลี้ยงเป็ดหรือไก่  ซึ่งเกษตรกรสามารถหมุนเวียนเก็บเกี่ยวผลผลิตที่เกิดจากพื้นที่  1 ไร่ ไว้บริโภคเอง หรือเพื่อจำหน่ายสร้างรายได้ตลอดทั้งปี  และหากปฏิบัติได้ถูกต้องตามหลักทฤษฎีแล้วจะสามารถประกันการสร้างรายได้ต่อปี มากกว่า 1 แสนบาทขึ้นไป 
 
          อย่างไรก็ดี จากการดำเนินการโครงการพออยู่ พอกิน กับที่ดิน บสก. ในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้สามารถจำหน่ายที่ดินรกร้างว่างเปล่า ซึ่งเดิมจำหน่ายได้ยาก และมองไม่เห็นการใช้ประโยชน์ในเชิงเกษตรได้ถึง 2,986 ไร่ คิดเป็นมูลค่า 207 ล้านบาท ซึ่งนอกจากจะส่งผลดีต่อผู้ซื้อทรัพย์ที่สามารถนำที่ดินไปใช้ประโยชน์แล้ว ยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มในระบบเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนโดยรวม นอกจากนั้นยังเป็นแบบอย่างให้กับเกษตรกรหรือผู้สนใจ โครงการพออยู่ พอกิน กับที่ดิน บสก. ภายใต้แนวคิด “ทำกิน 1 ไร่ ทำได้ 1 แสน” สามารถเข้ามาศึกษาวิธีการทำเกษตรจากแปลงสาธิตของ บสก. เพื่อนำไปปฏิบัติสร้างรายได้ต่อไป